การอาซาน2ครั้ง ก่อนละหมาดวันศุกร์ มีขึ้นเมื่อใด

เดิมในสมัยของท่านนบี (صلى الله عليه وسلم) ท่านอบูบักร (ร.ฎ.) และท่านอุมัร (ร.ฎ.) การอะซานในวันศุกร์มีครั้งเดียว คือ เมื่ออิหม่าม (คอเต็บ) นั่งบนมิมบัร ต่อมาในสมัยท่านอุษมาน (ร.ฎ.) ผู้คนมีมากขึ้น ท่านอุษมาน (ร.ฎ.) จึงเพิ่มการอะซานที่ 3 บน อัซ-เซารออฺ (รายงานโดย อัล-บุคอรียฺ และท่าน อื่นๆ จาก อัส-สาอิบ อิบนุ ยะซีด)
ในรายงานของ อิบนุคุซัยมะฮฺ ระบุว่า : การอะซานในสมัยของท่านนบี (صلى الله عليه وسلم) ท่านอบูบักร (ร.ฎ.) และท่านอุมัร (ร.ฎ.) มีการอะซาน 2 ครั้งในวันศุกร์ โดยอธิบายว่า อะซาน 2 ครั้งนั้นหมายถึงการอะซานและการอิกอมะฮฺ นั่นเอง
ในบางรายงานระบุว่า ท่านอุษมาน (ร.ฎ.) ใช้ให้อะซานครั้งแรก ในอีกรายงานหนึ่งระบุว่า อะซานครั้งที่ 2 ซึ่งอธิบายได้ว่า ที่เรียกว่าอะซานครั้งที่ 3 เพราะถูกเพิ่มเข้าไปในการอะซานและอิกอมะฮฺเดิม และที่เรียกว่า อะซานครั้งที่ 1 เพราะเป็นการอะซานที่ถูกกระทำก่อนหน้าการอะซานและอิกอมะฮฺ และที่เรียกว่า อะซานครั้งที่ 2 นั้นเพราะพิจารณาว่าการอะซานจริงๆ แต่เดิมมีเพียงครั้งเดียว (ไม่รวมอิกอมะฮฺ)
ส่วนคำว่า \”อัซ-เซารออฺ\” เป็นสถานที่หนึ่งในตลาดของนครม่าดีนะฮฺ ท่านอิบนุ หะญัร (ร.ฮ.) กล่าวว่า : สิ่งที่ปรากฎชัดก็คือ ผู้คนได้ยึดเอาการกระทำของท่านอุษมานในทุกหัวเมืองในขณะนั้น เนื่องจากท่านเป็นเคาะลีฟะฮฺ
และมีรายงานระบุว่า (فعليكم بسنتي وسنة الخلفاءالراشدين) “พวกท่านจงยึดสุนนะฮฺของฉันและสุนนะฮฺ (แนวทาง) ของบรรดาเศาะลีฟะฮฺ อัรรอชิดีน ….” (รายงานโดยอบูดาวูด อัต-ติรมีซียฺ อุบนุมาญะฮฺ และอิบนุหิบบานฺ และอัต-ติรมิซียฺ ระบุว่าเป็นหะดีษ หะสัน เศาะฮีหฺ)
การละหมาดสุนนะฮฺหลังละหมาดวันศุกร์นั้นไม่มีข้อขัดแย้งว่าเป็นสิ่งที่ศาสนาส่งเสริมให้กระทำ มีรายงานในเศาะฮีหฺบุคอรียฺและมุสลิม ส่วนการละหมาดสุนนะฮฺก่อนละหมาดวันศุกร์นั้นต้องพิจารณาเป็น 2 กรณี คือ
หากหมายถึงการละหมาดสุนนะฮฺมุฏลัก (คือละหมาดสุนนะฮฺทั่วไป) การเป็นสิ่งอนุญาตให้กระทำได้ก่อนที่อิหม่ามจะออกมาแสดงคุฏบะฮฺวันศุกร์ เพราะมีหลักฐานระบุเอาไว้ในอัล-บุคอรีย์ (เล่ม 2 หน้า 4) และมุสลิม (เล่ม 6 หน้า 146)
หากมุ่งหมายว่าเป็นการละหมาดสุนนะฮฺรอติบะฮฺ ก่อนละหมาดวันศุกร์ กรณีนี้นักวิชาการมีความเห็นต่างกัน เป็นเรื่องเก่ามิใช่เรื่องใหม่ อิหม่ามอบูหะนีฟะฮฺและอัศหาบุช-ชาฟิอียะฮฺตามประเด็นที่ชัดที่สุดในสองประเด็น และอัลหะนาบิละฮฺในทัศนะที่ไม่มัชฮูร ระบุว่าเป็นสิ่งส่งเสริมให้กระทำ